พร้อมเพย์(Promt Pay) คำนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่หลายๆคนคิด ทุกท่านคงได้รับรู้เกี่ยวกับ Prompt Pay ผ่านทางสื่อมากมายเช่น การ Promote จากหลายๆธนาคารหรือหลายๆหน่วยงานแล้ว คงจะเข้าใจกันในระดับหนึ่งว่า Prompt Pay นั้นเป็นส่วนหนึ่งของโครงการใหญ่ของรัฐบาลลุงตู่ที่กำลังทำที่ชื่อว่า National E-Payment เพื่อประโยชน์หลายๆอย่าง เช่น ทำให้รัฐบาลจ่ายเงินคืนภาษี หรือเงินสวัสดิการต่างๆตรงไปยังประชาชนได้เลย ผ่านเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และเงินจะเข้าบัญชีของเราเอง โดยไม่ต้องไปบอกรัฐบาลว่าเราใช้บัญชีอะไรธนาคารอะไรอยู่ หรือเราสามารถบอกแค่เบอร์โทรศัพท์หรือเลขบัตรประชาชนเพื่อให้เพื่อนโอนเงินให้ได้เลย โดยไม่ต้องยุ่งยากเรื่องจำธนาคารหรือเลขบัญชีใดๆ ทำให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะเปลี่ยนแปลงระบบการใช้เงินในประเทศอย่างมหาศาล ทำให้ประเทศเราเข้าสู่สังคม Cashless Society แบบที่หลายๆประเทศเช่น Sweden หรือ Japan เป้นต้น

** Cashless Society หมายถึงระบบสังคมที่ไม่พกเงินสดไปทำธุรกรรมต่างๆ แต่ใช้พวกบัตรเครดิต ทดแทน **

          เมื่อจะเกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการเงิน คงจะหนีไม่พ้นเรื่องการรับส่งเงินๆทองๆประจำวันที่เราๆท่านๆทำกันเป็นประจำ แต่ผมขอเจาะไปที่ประเด็นที่ผมและคนรอบตัวหลายๆคนคงต้องมีการปรับตัวกันอย่างมหาศาลคือ “ธุรกิจการซื้อขายของหรือบริการ Online” หรือว่าง่ายๆ พ่อค้าแม่ค้า Online นั่นเอง หลายๆคนคงจะถามว่า อ่าวแล้วต้องระวังตัวหรือปรับตัวอะไรกันหละ ในเมื่อรัฐบาลทำระบบ Prompt Pay ขึ้นมา นั่นหมายถึงพ่อค้าแม่ค้าก็จะสามารถเอา Prompt Pay ไปบอกกับลูกค้าได้เลยมีแต่เรื่องสะดวกกับสะดวก แล้วทำไมจะต้องระวังอะไรหละ มีแต่เรื่องดีๆง่ายขึ้นจะต้องไประวังหรือปรับอะไร ??? วันนี้เราจะมาแถลงไขกัน

              การซื้อขายปกติจะต้องมีเรื่องของภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง ในส่วนของระบบ Online ก็เช่นกัน ปกติเรามักจะซื้อขายของ Online กันแบบไม่มีภาษี เช่น ซื้อเสื้อจากร้าน A หรือซื้อ Case โทรศัพท์จากร้าน B (ไม่นับพวกธุรกิจที่เค้าทำระบบภาษี Offline เดิมแล้วมาขายบน Online เช่น เซ็นทรัล Online, 7 Online เป็นต้น) เมื่อมีการโอนเงินผ่าน Prompt Pay รัฐบาลก็จะสามารถติดตามตรวจสอบได้ทันที ว่ามีเงินเข้ามาที่ Prompt Pay นั้นๆเมื่อไหร่และเท่าไหร่บ้าง ทำให้เกิดระบบตรวจสอบภาษีเงินได้ตามมาในภายหลัง อย่างหลายๆประเทศที่เค้าใช้ระบบนี้แล้วสามารถเก็บภาษีเพิ่มได้จากการซื้อขาย Online ย้อนหลังรวมถึงประเมินรายได้ของเจ้าของ Prompt Pay นั้นๆได้ สิ่งที่ต้องกังวลคือ บางทีรายได้เยอะก็จริง กำไรไม่ได้มากมายน่ะสิ เพราะคนขายของด้วยกันจะเข้าใจว่า กำไรก็ไม่ได้มากมายอะไรอยู่แล้วบนโลก Online บางอย่างกำไรกันที 5 – 10% เท่านั้น แต่ทางราชการไม่ได้รับรู้เรื่องนี้ด้วย เค้าจะตีเหมาว่าเป็นรายรับเข้าของเจ้าของ Prompt Pay และจะเอาตัวเลขนั้นมาประเมินเป็นรายได้ คราวนี้หละ โอ้โห ภาษีมหาศาลเลยหละ

             หลายๆคนที่ไม่เคยเข้าสู่ระบบภาษีก็จะงงนิดๆว่าแล้วมันวุ่นวายหรือต้องตื่นเต้นยังไงหละ ภาษีอะไรไม่รู้วุ่นวาย ลองคำนวนตามง่ายๆนะครับตัวอย่างคือ นาย A ขาย Case โทรศัพท์ Handmade ที่ผลิตขึ้นมาเอง Case ละ 1000 บาท ขายได้ปีละ 1000 อันแสดงว่ามีรายรับ 1000000 บาทต่อปี โดยมีกำไรจากการขาย Case คิดเป็น%ที่ 5% หลังหักค่าใช้จ่าย 

               ถ้าคุณเสียภาษีในฐานะบุคคลธรรมดา (ว่าง่ายๆรับเงินโดนใช้ชื่อบุคคลรับ) คุณจะเสียภาษีถึง 25% จากเงินได้ทั้งๆที่คุณกำไรแค่ 5%

             ถ้าคุณเสียภาษีในฐานะบริษัทจดทะเบียน (ว่าง่ายๆจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล) คุณจะเสียภาษี 0 บาทเพราะกำไรคุณไม่เกิน 300,000 บาท

!!! การเปิดบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆเกิดขึ้นบ้างนะ ไม่ใช่ 0 บาทเหมือนบุคคล เช่นค่าปิดงบบัญชี ค่าใช้จ่ายการทำเอกสารออกบิล etc… ดังนั้น การคำนวนเป็นเพียงแค่ตัวอย่างให้เห็นข้อแตกต่างเท่านั้น !!!

ดังนั้นสิ่งที่ต้องระวังหลักๆถ้าคุณอยากใช้ Any ID ในการทำธุรกิจ Online คือ

1. เตรียมปรับราคาสินค้า เพราะคุณจะต้องโดนภาษีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

2. จดทะเบียนการค้า Online ซะเพื่อเสียภาษีให้เรียบร้อยจะได้ไม่โดนย้อนโดยจะมีต้นทุนที่แน่นอน

3. ศึกษาเรื่องภาษี เรื่องรายจ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นเพราะต้องเข้าสู่ระบบ บัญชีปกติ

               แต่ถ้าคุณไม่อยากเจอปัญหาดังกล่าว ก็อย่าไปใช้ Promt Pay ในการทำธุรกรรมการขายของนะจ๊ะ (แต่ไม่แนะนำนะ ทำอะไรควรทำให้ถูกต้องเถอะจ้า จะได้อยู่ได้ยาวๆ)